ในเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากวุ่นวายของโลกภายนอก เรื่องราวที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวได้เริ่มต้นขึ้น ทุกอย่างเกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของดร.ธีโอดอร์ กริฟฟิน นักวิทยาศาสตร์ที่หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าเกี่ยวกับขอบเขตของชีวิตและความตาย การทดลองล่าสุดของเขานั้นมุ่งหวังที่จะเรียกคืนชีวิตให้กับเซลล์ที่ตายแล้ว แต่แล้ว ความผิดพลาดที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

ในคืนที่มีเพียงพายุฟ้าคะนองเท่านั้นที่เป็นพยาน เขาได้ทดลองกับร่างของสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำมาจากหีบศพโบราณที่ถูกค้นพบในสุสานที่ถูกลืมไป ร่างนั้น ผ่านกระบวนการที่น่าสะพรึงกลัว ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่ใครๆ ก็คาดหวัง

ในขณะที่งานศพของทาวน์พ่อหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุกำลังดำเนินไป ร่างที่เพิ่งฟื้นคืนชีพนั้นได้หลบหนีออกจากห้องทดลองและหลุดเข้ามาในงานศพ ความโกลาหลที่ตามมานั้นชวนให้ขนหัวลุก เพราะร่างที่ไม่มีชีวิตนั้นแสดงพฤติกรรมที่ดุร้ายและไม่สามารถคาดเดาได้

ดร.กริฟฟินต้องรีบเข้ามาดำเนินการ โดยพยายามระงับสถานการณ์ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น ในขณะเดียวกัน ครอบครัวและเพื่อนฝูงของผู้ล่วงลับต่างถูกดึงเข้าไปในความตื่นเต้นที่อาจจะกลายเป็นฝันร้ายได้ การค้นพบในงานศพนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยถึงสิ่งที่ควรจะถูกทิ้งไว้ในอดีตเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการยอมรับความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง

ในท้ายที่สุด ดร.กริฟฟินและชาวเมืองต้องร่วมมือกันเพื่อนำสิ่งที่เขาได้ปลุกเร้าให้กลับคืนสู่หีบศพที่มันควรจะอยู่ การผจญภัยนี้ได้สอนให้พวกเขาทั้งหมดรู้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราปรารถนาอย่างมากที่สุด อาจเป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด และว่ามีบางสิ่งที่เราไม่ควรพยายามท้าทาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลวิทยาศาสตร์หรือความอยากรู้อยากเห็นใดๆ

เรื่องราวนี้สิ้นสุดลงด้วยงานศพที่ซึ่งความสงบสุขได้ถูกคืนกลับมา และหีบศพที่เป็นที่สิ้นสุดของการทดลองที่น่าสะพรึงกลัว แต่สำหรับดร.กริฟฟิน มันคือบทเรียนที่เขาจะต้องจำไปตลอดชีวิต การทดลองที่เกิดจากความกระหายความรู้นั้นบางครั้งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และตอนนี้เขาต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น… ในหีบศพของความอัปยศ.